เมนู

ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติจัดเป็นอาปัตตา-
อธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4.
อธิกรณวารที่ 6 จบ

สมถวารที่ 7


[823] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติ
ย่อมระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ 7
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติย่อม
ระงับด้วยสมถะ 3 บรรดาสมถะ 7 คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย 1 ด้วย
ปฏิญญาตกรณะ 1 บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ 1. . .
ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติย่อมระงับด้วยสมถะ
เท่าไร บรรดาสมถะ 7
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติย่อมระงับด้วย
สมถะ 3 บรรดาสมถะ 7 คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย 1 ด้วยปฏิญญาตกรณะ 1
บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ 1.
สมถวารที่ 7 จบ

สมุจจัยวารที่ 8


[824] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ภิกษุ
ภิกษุณีต้องอาบัติเท่าไร

ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ภิกษุ ภิกษุณี
ต้องอาบัติ 5 คือ ภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการจับต้องอวัยวะใต้รากขวัญลงมา
เหนือหัวเข่าขึ้นไป ของบุรุษบุคคลผู้กำหนัด ต้องอาบัติปาราชิก 1 ภิกษุถูก
ต้องกายด้วยกาย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1 เอากายถูกต้องของเนื่องด้วยกาย
ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 เอาของเนื่องด้วยกายถูกต้องของเนื่องด้วยกาย ต้อง
อาบัติทุกกฏ 1 เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะจี้ด้วยนิ้วมือ 1
เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ภิกษุ ภิกษุณี ต้อง
อาบัติ 5 เหล่านี้ .
ถ. อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ 4
สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ 7
เกิดขึ้นด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6
เป็นอธิกรณ์อะไร บรรดาอธิกรณ์ 4
ระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ 7
ต. อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติ 2 บรรดาวิบัติ 4 คือ บางทีเป็น
ศีลวิบัติ บางทีเป็นอาจารวิบัติ สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ 5 บรรดากองอาบัติ 7
คือ บางทีด้วยกองอาบัติปาราชิก บางทีด้วยกองอาบัติสังฆาทิเสส บางทีด้วย
กองอาบัติถุลลัจจัย บางทีด้วยกองอาบัติปาจิตตีย์ บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ
เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 คือ เกิดแต่
กายกับจิต มิใช่วาจา เป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4 ระงับด้วยสมถะ 3
บรรดาสมถะ 7 คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย 1 ด้วยปฏิญญาตกรณะ 1 บางที
ด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ 1.

[825] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน ต้องอาบัติ 2 คือ รับ
ประเคนด้วยมุ่งจักฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ 1 ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ
คำกลืน
เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน ต้องอาบัติ 2 เหล่านี้ .
ถ. อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ 4 สงเคราะห์
ด้วยกองอาบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ 7 เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 เป็นอธิกรณ์อะไร บรรดาอธิกรณ์ 3 ระงับด้วยสมถะ
เท่าไร บรรดาสมถะ 7
ต. อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติอย่างหนึ่ง บรรดาวิบัติ 4 คือ
อาจารวิบัติ สงเคราะห์ด้วยกองวิบัติ 2 บรรดากองอาบัติ 7 คือ บางทีด้วย
กองอาบัติปาฏิเทสนียะ บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ
เกิดด้วยสมุฏฐาน 4 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 คือ บางทีเกิด
แต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับวาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่
กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กายวาจาและจิต เป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดา
อธิกรณ์ 4 ระงับด้วยสมถะ 3 บรรดาสมถะ 7 คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย 1
ด้วยปฏิญญาตกรณะ 1 บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ 1.
สมุจจยวารที่ 8 จบ
ปัจจัยวาร 8 จบ
ภิกขุนีวิภังค์ 16 มหาวาร จบ

ปัญจมสมันตปาสาทิกา


ปริวารวัณณนา


วินัยใด อันพระเถระทั้งหลายจัดเข้า
หมวดโดยชื่อว่า บริวาร เป็นลำดับแห่ง
ขันธกะทั้งหลาย ในศาสนาของพระผู้มี
พระภาคเจ้าผู้มีบริวารสะอาด มีกองธรรม
เป็นพระสรีระ, บัดนี้ข้าพเจ้าจักละนัยอันมา
แล้วในหนหลังเสีย จักทำการพรรณนาเนื้อ
ความที่ได้ตื้นแห่งวินัยที่ชื่อว่า บริวารนั้น.

[ใสฬสมหาวารวัณณนาในอุภโตวิภังค์ ]

เนื้อความสังเขปแห่งปุจฉา ที่เป็นไปโดยนัยเป็นต้นว่า ยนฺเตน
ภควตา ฯ เป ฯ ปญฺญตฺตํ
ในคัมภีร์บริวารนั้น พึงทราบดังต่อไปนี้ก่อน-
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นพระองค์ใด ผู้อันพระธรรมเสนาบดีประดิษฐาน
ไว้แล้วซึ่งอัญชลี อันกำลังแห่งความเคารพและนับถือมากในพระสัทธรรมเชิด
ขึ้นแล้ว เหนือเศียรเกล้า ทูลวิงวอนแล้ว จึงทรงแต่งตั้งวินัยบัญญัติ อาศัย
อำนาจประโยชน์ 10 ประการ เพื่อความตั้งอยู่ยืนนานของพระศาสนา. พระผู้มี
พระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้รู้กาลที่บัญญัติสิกขาบทนั้น ๆ ผู้เห็นอำนาจประโยชน์
10 ประการแห่งสิกขาบทบัญญัตินั้น ๆ อีกอย่างหนึ่ง ผู้รู้ด้วยญาณทั้งหลาย มี
ปุพเพนิวาสญาณเป็นต้น ผู้เห็นด้วยทิพยจักษุ ผู้รู้ด้วยวิชชา 3 หรือด้วย
อภิญญา 6 ผู้เห็นด้วยสมันตจักษุ อันหาสิ่งใดขัดขวางมิได้ในธรรมทั้งปวง